Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

โรคออทิซึมในประเทศไทย

Posted By Plookpedia | 09 มิ.ย. 60
934 Views

  Favorite

โรคออทิซึมในประเทศไทย

      โรคออทิซึมได้เริ่มพบตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ ๗ แต่ในตอนนั้นยังไม่ทราบว่าเป็นโรคนี้ ทราบกันเพียงว่าเด็กที่มีความผิดปกติทางจิตได้รับการวินิจฉัยจากจิตแพทย์ชาวอังกฤษว่า "อัจฉริยะปัญญาอ่อน" (idiot savant) เนื่องจากเด็กมีอัจฉริยะในด้านความจำ การคำนวนตัวเลข ดนตรี และศิลปะแต่ด้อยทางด้านพฤติกรรมและอารมณ์อย่างมาก เด็กได้รับการดูแลบำบัดรักษาโดยแพทย์ทางระบบประสาทร่วมกับจิตแพทย์ที่ประเทศอังกฤษในระหว่าง พ.ศ. ๒๕๑๐ - ๒๕๑๑ แพทย์หญิงวาสนา ศรมณี จิตแพทย์เด็ก โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาได้ตรวจรักษาเด็กชาย อายุ ๕ ปี หน้าตาน่ารัก มีสีหน้าเฉยเมยไม่สนใจใคร เด็กอยู่ไม่นิ่งวิ่งขึ้นลงบันไดโดยใช้มือลูบไปตามราวบันไดซ้ำ ๆ ซาก ๆ โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ส่งเสียงร้องไม่เป็นภาษาที่น่าแปลกใจก็คือเด็กสามารถเล่นเครื่องเล่นเทปได้อย่างถูกต้อง เด็กจะกดปุ่มให้เทปกรอกลับไปกลับมาซ้ำ ๆ ไม่ยอมเลิกซึ่งในสมัยนั้นเครื่องเล่นเทปยังมีความยุ่งยากเพราะเทปไม่ได้เป็นตลับเทปเหมือนในปัจจุบันแต่จะเป็นม้วนเทปกลม ๆ แพทย์หญิงวาสนา ศรมณี ได้ให้การวินิจฉัยว่าเป็น "infantile psychosis" คือ โรคจิตในวัยเด็กซึ่งเรียกในปัจจุบันว่าโรคออทิซึม ในระหว่าง พ.ศ. ๒๕๑๑ - ๒๕๒๐ แพทย์หญิงเพ็ญแข (ศิริจรรยา) ลิ่มศิลา จิตแพทย์เด็กโรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ จังหวัดสมุทรปราการซึ่งเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางจิตเวชเด็กของกระทรวงสาธารณสุขได้รับเด็กออทิสติกที่ส่งมาจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดที่มีอาการรุนแรงและอายุมากกว่า ๗ ปี ซึ่งมีปัญหายุ่งยากในการดูแลรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพอย่างมากโดยขอยกตัวอย่างเด็กออทิสติก ๔ คน ที่มีอาการรุนแรงแสดงพฤติกรรมแตกต่างกัน  ดังต่อไปนี้

 

โรคออทิซึม
โรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ จังหวัดสมุทรปราการ

 

  • เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๒ สถานแรกรับเด็กชายบ้านปากเกร็ด กรมประชาสงเคราะห์ได้ส่งเด็กชายไม่ทราบชื่อมีอายุประมาณ ๖ - ๗ ปี เป็นเด็กน่ารัก แก้มยุ้ย มาขอรับการรักษาด้วยปัญหาว่าเด็กไม่สามารถเข้าใจหรือสื่อสารกับใครได้เลย พูดแต่คำที่ไม่มีความหมายว่า "กึ๊ก ๆ กึ๊ก ๆ" ทั้งวัน ไม่รู้จักบอกว่าหิวหรืออิ่ม แยกตัวอยู่คนเดียว หน้าตาเฉยเมย ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลยไม่รู้จักแม้แต่ชื่อตัวเอง เจ้าหน้าที่ของสถานแรกรับฯ ก็ไม่ทราบชื่อเนื่องจากเด็กพลัดหลงจากผู้ปกครองที่บริเวณสนามหลวงเด็กจึงได้รับการตั้งชื่อให้ใหม่ว่า "เด็กชายกึ๊ก" ชื่อจริงว่าประสพโชค เด็กได้รับการดูแลรักษาในโรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ ๒ ปี ได้รับการฝึกพูดจากอาจารย์รจนา (ทรรทรานนท์) เทพหัสดิน ณ อยุธยา และฟื้นฟูสมรรถภาพอื่น ๆ จากพยาบาลจนเด็กสามารถพูดสื่อความหมายและเรียนรู้ได้ช่วยเหลือตัวเองได้จนเป็นที่น่าพอใจ 

 

โรคออทิซึม
การฝึกให้เด็กออกเสียง "วาวา" เพื่อกระตุ้นพัฒนาการเบื้องต้นทางการเปล่งเสียง

 

  • ต่อมา พ.ศ. ๒๕๑๓ ได้รับเด็กหญิงอายุ ๗ ปี จากมูลนิธิราชประชาสมาสัยฯ เด็กมีรูปร่างผอมบางตัวเล็กกว่าวัย ทำปากยื่นแหลมส่งเสียงร้องเหมือนนกไม่สามารถสื่อภาษากับคนได้ เดินและวิ่งไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย ไม่สนใจบุคคลรอบข้าง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย มีปัญหาในเรื่องการรับประทานอาหารเนื่องจากเคี้ยวอาหารไม่เป็นจึงต้องให้อาหารเหลวทุกมื้อ ขณะที่ให้อาหารเด็ก พ่อและแม่ต้องช่วยกันโดยแม่จะนั่งเหยียดขาไปตรง ๆ บนพื้นจับเด็กนอนหงายบนขาของแม่หันศีรษะเด็กไปทางเท้าของแม่เพื่อจะใช้เท้าทั้งสองข้างของแม่หนีบศีรษะเด็กไว้ มือจับแขนทั้งสองข้างของเด็กมากดไว้ที่ขาของเด็ก พ่อจะใช้มือหนึ่งจับคางของเด็กอีกมือหนึ่งใช้ช้อนตักอาหารเหลวจากหม้อหูหิ้วป้อนเข้าปาก เด็กก็อ้าปากค้างไว้รับอาหารเหมือนลูกนก ขยอกกลืนไปเรื่อย ๆ โดยไม่หุบปากเคี้ยวเลย ในรายนี้ต้องเริ่มสอนพ่อแม่ถึงวิธีการให้อาหารเด็ก การฝึกให้เด็กกลืนอาหารและนั่งรับประทานอาหารแล้วค่อย ๆ เปลี่ยนจากอาหารเหลวเป็นอาหารที่มีกากมากขึ้น

 

โรคออทิซึม
ภาพวาดเด็กหญิงอายุ ๗ ปี จากมูลนิธิราชประชาสมาสัยฯ
ที่ทำปากยื่นแหลมและส่งเสียงร้องเหมือนนก

 

  • ใน พ.ศ. ๒๕๑๗ ได้รับเด็กชายอายุ ๖ ปี จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เด็กไม่สนใจใคร แยกตัว เรียกชื่อไม่หันตามเสียงเรียก ไม่สบตา ยืนกางขา ก้มตัวไปข้างหน้า ส่ายศีรษะพร้อมโยกตัวห้อยแขนแกว่งไปมา ส่งเสียงร้อง "มอ มอ มอ" คล้ายวัวควาย ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลยถ้าต้องการอะไรจะจับมือคนที่อยู่ใกล้ที่สุดไปทำให้
  • ใน พ.ศ. ๒๕๒๐ กุมารแพทย์จากจังหวัดสมุทรสาคร ส่งเด็กชายอายุ ๗ ปี มาขอใบรับรองแพทย์เพื่อขอยกเว้นการศึกษา เป็นเด็กรูปร่างเล็ก ผอมเกร็ง นั่งหมอบเก็บแขนขา เงยหน้ามองอย่างตื่นกลัว ส่งเสียงเห่าหอน เลียข้าวและน้ำเหมือนสุนัข เพราะเด็กอยู่ในครอบครัวที่ยากจนจึงต้องทิ้งเด็กไว้กับสุนัขไทยตัวหนึ่งที่ใต้ถุนบ้านขณะที่พ่อแม่ออกไปทำนาทำไร่เด็กจึงเลียนแบบพฤติ กรรมของสุนัข

 

โรคออทิซึม
ภาพวาดเด็กชายอายุ ๗ ปี จากจังหวัดสมุทรสาคร
โดยนั่งหมอบเก็บแขนขาส่งเสียงเห่าหอนและเลียข้าวและน้ำเหมือนสุนัข

 

      สำหรับวิธีการรักษาคือ นำเด็กปกติซึ่งเป็นลูกหลานของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์มาเป็นเพื่อนและแบบอย่างให้เด็กออทิสติกในโรงพยาบาล ปรากฏว่าเด็กที่ได้ยกตัวอย่างมาข้างต้นทุกคนได้รับการช่วยเหลือจนสามารถใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวได้อย่างคนปกติโดยแต่ละคนใช้เวลารักษาประมาณ ๒ - ๓ ปี ปลาย พ.ศ. ๒๕๒๐ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประสงค์  ตู้จินดา ขณะดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชากุมารเวชศาสตร์และอาจารย์แพทย์หญิงวัณเพ็ญ  บุญประกอบ หัวหน้าหน่วยจิตเวชเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล มีความเห็นว่ากุมารแพทย์ที่ทำงานใกล้ชิดกับเด็กมาตั้งแต่แรกเกิดควรมีความรู้เพื่อการวินิจฉัยและสามารถให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่เด็กที่มีปัญหาทางจิตเวชได้จึงส่งแพทย์ประจำบ้านสาขากุมารเวชศาสตร์ปีที่ ๒ และปีที่ ๓ หมุนเวียนกันมาศึกษาดูงานในโรงพยาบาลตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๐ จนถึงปัจจุบันทำให้สถาบันการแพทย์ทุกแห่งในประเทศไทยเห็นความสำคัญจึงนำไปปฏิบัติตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาโรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ก็ได้รับเด็กออทิสติกที่มีอายุน้อยลงกว่าเดิมมาก คือ อายุ ๓ - ๕ ปี เด็กจึงได้รับการช่วยเหลือเร็วขึ้นทำให้ผลการรักษาดีกว่าเดิมมีเด็กจำนวนไม่น้อยที่สามารถเรียนร่วมกับเด็กปกติได้ในวัยอันควร

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
  • Posted By
  • Plookpedia
  • 15 Followers
  • Follow